สายต่างๆ ใน Anime
H = Hentai
แปลตรงๆก็ ลามก/ทะลึ่ง ถ้ามันโป๊ก็ถือว่าHแล้ว ไม่จำเป็นต้องวิปฯหรอก เป็นพลังหลักที่แทรกซึมอยู่ทุกแห่งหน ปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มสีสรรค์ให้แก่พลังอื่นๆได้เป็นอย่างดี
Preview
O = Obacon/Ojicon
สามารถแบ่งได้สองความหมายคือ
Obacon - ฝ่ายชายที่ชอบผู้หญิงอายุมากกว่า
Preview - Onegai Teacher
Ojicon - ฝ่ายหญิงที่ชอบผู้ชายอายุมากกว่า
Preview - Sister Princess
L = Lolicon (Lolita Complex)
อันนี้หลายๆคนคงรู้จักกันดี มันคือพลังแห่งนางงาม(รักเด็ก)นั่นเอง เหล่าสาวน้อยผู้สุดแสนจะบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเหล่านี้มีพลัง บางอย่างที่สามารถสยบเหล่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสุดๆ อาจกล่าวได้ว่าเป็นพลังที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คงจะไม่ผิด
Preview - Tomomi form Pia carrot3
Y = Yaoi/Yuri
อันนี้แปลได้2ความหมายแต่ก็ครือกัน คือประมาณว่ารักร่วมเพศนั่นเอง ซึ่งทั้งสองอันมีจุดที่เหมือนกันคือ เซเมะ(สายรุก) กับอุเคะ(สายรับ)
Yaoi = สงครามยุธหัตถี มันคือเนื้อร้ายของโลกใบนี้ สมควรตัดทิ้งออกไปอย่างเร็วที่สุด
Preview - Yugi x Kaiba form YUGIOH มันเริ่มจาก ศัตรู คู่แข่ง เพื่อน และมาจบที่คนรัก...
Yuri = วงมโหรี เปรียบได้กับฤดูใบไม้ผลิอันแสนจะสดชื่นและงดงาม ซึ่งทุกคนยินดีต้อนรับเสมอ
Preview - Natsuki x Shizuru form Mai-HIME
K = Kenshiro[kinniku]/Kemo
Kenshiro - มันคือพลังแห่งกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออันอุดมไปด้วยมัดกล้ามนับว่าเป็นเกียรติยศแห่งลูกผู้ชาย ทว่าผมไม่เอาด้วยคนนึงละ... และถ้ามันมาคู่กับพลังYล่ะก้อ.... มันคือที่สุดของฝันร้ายเลยละครับ...
Preview - Kenshiro [Originalเจ้าของฉายาผู้ซึ่งมีมัดกล้ามอันงดงามที่สามารถดีดหัวศัตรูให้ระเบิดได้ด้วยปลายนิ้ว]
Kemo - พลังKอีกแขนงหมายถึงพวกกึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์
Preview
SM/MS = Sadism/Masokism
ความเจ็บปวดและหยดน้ำตาคือความสนุกสนานของพวกเค้า..... น่ากลัวไม่แพ้กะข้างบน
Sadism - สำหรับผู้ชอบสร้างความเจ็บปวด
Masochism – สำหรับผู้ชอบรับความเจ็บปวด
Preview
I = Incest
ประมาณว่ารักสายเลือดเดียวกัน เช่นพี่/น้อง พ่อ,แม่/ลูก เป็นต้น ค่อนข้างผิดศีลธรรมอันดีงาม อย่าไปริเลียนแบบ โปรดคิดซะว่ามันเป็นเพียงแค่การ์ตูน แต่ถ้าสูบเฉยๆก็ตามสบายครับ
Preview - Sister Princess [คำเตือน - ไม่ควรนำให้น้องคุณดูเด็ดขาดมิฉะนั้นน้องคุณอาจมีค่านิยมใหม่อยาก ได้พี่ชายเป็นสามี]
M ในส่วนของMจะแตกแขนงออกไปอีกมากมาย ดังนี้
Maid - สาวน้อยในชุดเมดหรือชุดสาวใช้(แบบฝรั่ง)นั่นเอง ลองจับสาวใช้ที่บ้านมาสวมชุดนี้ดูสิครับ ถ้าไม่น่ารักก็คงกลายเป็นแจ๋วไปเลยล่ะ
Preview - He is my master
Megane - สาวเหนียม หรือสาวแว่นนั่นเอง โดยแว่นตานั่นดูเหมือนจะเป็นเครื่องหมายการค้าที่บ่งบอกว่าผู้สวม ใส่นั้นยังไร้เดียงสาและสุดแสนจะบริสุทธิ์ไปซะแล้ว อีกทั้งแว่นตายังถือเป็นสุดยอดไอเท็มที่ได้รับโดยทั่วไปว่ามัน สามารถช่วย+ความน่ารักให้แก่สาวๆได้ถึง480%เลยทีเดียว!!!
Preview
Megami - หรือหมายถึงบรรดาเทพธิดาทั้งหลาย ข้อมูลไม่มาก ไม่สามารถให้รายละเอียดได้มากกว่านี้
Preview - Oh! My Goddess [เบลดันดีผู้ซึ่งมีชื่อชวนให้สงสัยว่าเป็นอะไรกับทอมดันดีหรือเปล่า?]
Miko - หรือสาวน้อยในชุดคนทรงของญี่ปุ่น ใครเคยอ่านการ์ตูนน่าจะเคยเห็นกัน แต่สงสัยอยู่เหมอืนกันว่าถ้าเสพพลังสายนี้มันจะบาปหรือเปล่า...
Preview
Mimi - หมายถึง หู นานาชนิดไม่ว่าจะเป็น หูแมว(Neko) หรือ หูหมา(Inu) หรือหูอื่นๆอีกมากมาย เชื่อหรือไม่ หูพวกนี้เมื่อถูกประดับลงบนศีษระของเหล่าสาวๆ มันจะช่วยบวกความน่ารักขึ้นอีกกว่า80%เลยทีเดียว โดยเฉพาะหูแมวมันคือที่สุดของที่สุดแล้ว... ไม่เชื่อท่านลองนึกภาพนารุสวมหูแมวเข้ามาคลอเคลียคุณประดุจดั่งแมวน้อย ขี้อ้อนดูสิครับ....(อ้าวๆอย่าเพิ่งเคลิ้ม)
Preview - DigiCharat [คุณอาจทนรับไม่ได้กับความติ๊งต๊องของแมวน้อยต่างดาวตัวนี้...]
Mecha - สาวน้อยพลังวิทยาศาสตร์ ซึ่งในใจลึกๆทุกคนคงอยากจะมีไว้ในครอบครองซักเครื่อง และอาจต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาตามประสาพล๊อตการ์ตูนโหลๆ
Preview - Chobit [อย่าแม้แต่จะคิดมีอะไรกับเธอ มิฉะนั้นคุณอาจโดนไฟดูดตายได้]
M = Mahoคนที่ชอบสาวน้อยเวทมนต์ อะไรพวกนี้
Preview - Maho shojo Lirical nanoha
S อันนี้แบ่งได้อีกสามคือ
Shotacon - หรือหมายถึงฝ่ายหญิงที่มีอายุมากกว่าชอบเด็กชายอายุน้อยกว่า คล้ายLแต่สลับเพศกัน
Preview - Mahou Sensei Negima! [ไม่ต้องห่วงเพราะชีวิตจริงคุณไม่มีทางได้เป็นครูของนักเรียน หญิงล้วนรุ่นพี่กว่า30คนหรอก]
Shonen ai - Yประเภทเบาะๆ ไม่รุนแรงเท่ารุ่นพี่
Sleep - พลังตัวนี้เมื่อนานมาแล้วผมเคยได้ยินในชื่อของพลังAหรือย่อมา จากAyanami Reiที่เป็นดั่งคาแรคเตอร์ต้นแบบของตัวการ์ตูนลักษณะนี้ และปัจจุบันมันได้กลับมาใหม่ในชื่อของ S
Preview - Rei form Evagelion [Originalผู้ซึ่งเป็นตำนานสาวน้อยเฉยชาที่สุดในปฐพี ทว่ารอยยิ้มของเธอนั้นมันแทบจะทำให้โลกหยุดหมุนเลยทีเดียว ไม่เชื่อลองไปดูในmangaเล่ม3ตอนที่ชินจิไปช่วยเรย์ออกมาจากเอน ทรี่ปลั๊ก... สำหรับผมรอยยิ้มนั้นมันคือสุดยอดแล้ว....]
T = Twin
หรือก็คือพลังฝาแฝดอลเวง แค่คนเดียวก็น่ารักเหลือเชื่อแล้ว แต่นี้มีถึงสอง ไม่เรียกว่ากำไรจะเรียกอะไรดีล่ะ?
Preview
P = psycho
พลังลึกลับ ความหายตรงตัวหมายถึงพวกที่จิตๆเล็กน้อยถึงปานกลาง คาแรคเตอร์พวกนี้อาจไม่พบเห็นได้มากนัก ยกตัวอย่างที่ดังๆก็เช่น L แห่งเดธโน๊ต เขาคนนี้ก็ติดเชื้อPเหมือนกัน
Preview - L form Death Note [บุคคลที่ทำให้ประชากรหลายร้อยคนเลียนแบบท่าจับดินสอ ท่าถือมือถือ ท่านั่ง ท่าจับแก้วกาแฟ รวมไปถึงขอบตาดำอันมีเสน่(?)]
G = Guro
พลังเลือดสาด ไม่ขอบรรยายมากเพราะแค่คุณได้เห็นภาพคุณก็จะเข้าใจทุกอย่างทันที...
Preview - Sister Princess [G - Mode]
N - Nasil หมายถึงพวกหลงรูปตัวเอง เป็นพวกที่คิดว่าตนเองนั้นงามสุดในปฐพี ใครฤๅจะมาเทียบเทียมได้?
F - Fetishism คือ พวกชอบสิ่งของหรือเครื่องแต่งกายเพศตรงข้าม รวมไปถึงพวกชอบแต่งกายในชุดยูนิฟอร์มต่างๆ(ชุดตำรวจ ชุดนางพยาบาล etc.)
T - Tentacle พลังหนวด... ส่วนใหญ่มันจะมาคู่กับพลังHชนิดอภิมหาวิปฯ มันจะเป็นอย่างไรก็ลองจิ้นกันดูเองแล้วกันครับ... (ด้วยเหตุผลดังกล่าวขออณถยาติไม่พรีวิว^^")
Credit: เว็บของ Faith-fs
Label: สายพลัง
Hijutsu (ฮิจุทสึ)
ความรู้ ที่จะเติมเต็มในทุกความปราถนา
กาลเวลา ,ธรรมชาติ หรือ แม้แต่จิตใจมนุษย์พลังนี้ก็สามารถควบคุมมันได้
"หากเจ้าต้องการ"
ชินระบันโช จะตอบสนองเจ้า
Credit : Soulciety subbed Tirkx
-----------------------------------------------------------------------------------------------
หยดน้ำตาลอยไปตามสายลม
มวลเมฆที่ปลิวไปและท้องฟ้าสีฟ้าที่อยู่เหนือแรงเอื้อม
ฉันมองขึ้นไป เพียงลำพัง และอธิษฐานอย่างเงียบงัน
ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่โดยโอบกอดความฝันอันไร้จุดจบนี้เอาไว้
“Nabari no Ou” หรือ “ราชานินจา” เป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายสองคน คือ “โรคุโจ มิฮารุ” และ “โยอิเตะ” โชคชะตาดึงให้ทั้งสองมาพบกัน โดยที่มิฮารุนั้น มีสิ่งที่โยอิเตะต้องการที่สุดอยู่หยดน้ำตาลอยไปตามสายลม
มวลเมฆที่ปลิวไปและท้องฟ้าสีฟ้าที่อยู่เหนือแรงเอื้อม
ฉันมองขึ้นไป เพียงลำพัง และอธิษฐานอย่างเงียบงัน
ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่โดยโอบกอดความฝันอันไร้จุดจบนี้เอาไว้
Hikari - ELISA
Nabari no Ou [Ending Theme 1]
Nabari no Ou [Ending Theme 1]
มิฮารุคุงเป็นหนุ่มน้อยร่างเล็กหน้าตาน่ารัก ไม่คิดจะสนใจอะไรทั้งนั้นแม้แต่ตัวเอง เขาเป็นเด็กกำพร้า ทั้งพ่อและแม่เสียชีวิตไปเป็นสิบปีแล้ว และมิฮารุไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับทั้งสองเหลืออยู่เลย ถึงกระนั้น เด็กชายก็เติบโตต่อมาได้อย่างดีด้วยการดูแลของลุงและป้าในร้านโอโคโนมิยากิเล็กๆ
เขาเป็นเด็กเงียบๆ ชอบตีหน้าเฉยเมย แต่พร้อมจะใช้มารยาหนุ่มน้อยผู้น่าสงสาร(?)เล่นงานคนอื่นเสมอ
(นั่น อ.คุโมฮิระผู้ตกเป็นเหยื่อประจำ...)
ภายใต้ความเฉยเมยของมิฮารุนั้น คือ ความหวาดหวั่นต่อสายสัมพันธ์ที่อาจจะย้อนมาทำให้ตนเองต้องเจ็บปวด ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่ามิฮารุมักจะอยู่คนเดียว และไม่สนใจที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น
เรื่องราวของมิฮารุที่มีบุคลิกเช่นนี้ ควรจะจบลงที่คำว่าราบเรียบและธรรมดา แต่ไม่ใช่เลย...
ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดเมื่อมิฮารุกลายเป็นผู้ครอบครอง “ชินระบันโช” ศาสตร์ของนินจาที่ว่ากันว่าบรรจุความรู้ทั้งหมดทั้งมวลเอาไว้ หากได้ครอบครองชินระบันโชและใช้มันได้ การเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้หรือแม้แต่การครองโลกก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป
เพียงแต่การใช้ชินระบันโชไม่ได้ง่ายอย่างนั้น คงไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากหากขอให้นึกถึงสัจธรรมของโลก ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง หรือบางครั้งอาจไม่ได้อะไรเลยแม้สูญสิ้นทุกสิ่งไปแล้ว ยิ่งโลภเท่าไรก็ยิ่งพาตนไปสู่หายนะ
ในอดีตที่ผ่านมา ผู้ครอบครองชินระบันโชและพยายามใช้มันต้องตายไปเนื่องจากสมองมนุษย์ไม่สามารถรองรับความรู้อันมากมายมหาศาลนั้นเอาไว้ได้ ยิ่งปรารถนาในสิ่งที่ยากจะเป็นจริงก็ยิ่งเสี่ยงต่อชีวิตของตนเองมากขึ้นเท่านั้น
มิฮารุไม่สนใจชินระบันโช หรือพูดง่ายๆ ก็คือมิฮารุไม่มีสิ่งที่ปรารถนาขนาดที่ต้องใช้ชินระบันโช เขาพยายามหลบเลี่ยงทุกอย่าง แต่ความวุ่นวายก็ยังไล่ตามมาตลอด
โยอิเตะผู้ไม่มีที่มาที่ไป รู้ก็แต่ว่าเจ้าตัวเป็นกำลังสำคัญของไคโรชู เนื่องจากเป็นผู้ใช้ศาสตร์ลับที่มีชื่อว่า “คิระ” แม้จะเป็นเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาสวยหวาน แต่ก็เป็นยมทูตที่ได้สังหารผู้คนไปมากมายแล้ว
แต่ก็เหมือนจะเป็นอีกธีมหนึ่งของเรื่องนี้ ที่ว่าคนเราไม่มีทางได้สิ่งใดมาโดยไม่ต้องเสียอะไรไปเลย
ศาสตร์ลับที่ใช้คร่าชีวิตคนได้อย่างง่ายดายนั้น ก็บั่นทอนชีวิตของผู้ใช้ด้วยเช่นกัน
แล้วคนประเภทไหนกันที่จะยอมแลกชีวิตของตัวเองเพื่อคร่าชีวิตคนอื่น มิหนำซ้ำยังไม่ใช่การฆ่าด้วยความต้องการหรือเพื่อประโยชน์ของตนเองอีกด้วย
ตั้งแต่แรกนั้น ตัวโยอิเตะมีแต่ปริศนาอันมืดดำและเค้าลางของหายนะที่โอบล้อมเอาไว้
หลังจากได้พบกันอย่างไม่ค่อยสวยงามในครั้งแรก โยอิเตะก็ตามไปถึงบ้านของมิฮารุ และลากพาอีกฝ่ายออกมาเจรจาข้อตกลงกันอย่างลับๆ โยอิเตะรักษาดวงตาคืนให้และให้เลือกระหว่างความตาย กับช่วยชีวิตของเพื่อนด้วยการช่วยโยอิเตะ
เพื่อที่จะรักษาชีวิตของเพื่อนๆ ที่โยอิเตะใช้เป็นตัวประกันเอาไว้ มิฮารุจึงจำต้องตอบตกลงไป
บางทีตอนนั้นมิฮารุอาจจะเจ็บแค้นใจอยู่บ้างก็ได้...แต่เราแน่ใจว่า เขาจะไม่มีวันเสียใจ และนั่นจะต้องเป็นทางเลือกที่สำคัญที่สุด ที่มิฮารุจะไม่มีวันเปลี่ยนใจแม้มีโอกาสกลับไปเปลี่ยนแปลงได้ก็ตาม
มิฮารุและโยอิเตะผูกมัดกันและกันเอาไว้ด้วยข้อตกลงที่รู้กันเพียงสองคน นั่นก็คือ เมื่อใช้ชินระบันโชได้ มิฮารุจะต้องใช้มัน “ลบตัวตน” ของโยอิเตะออกไปจากโลกใบนี้
มานั่งนึกดูแล้ว นั่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย การลบคนคนหนึ่งออกไปจากประวัติศาสตร์ จากห้วงเวลา ก็เหมือนกับการเปลี่ยนอดีตทั้งหมด อาจจะมากพอๆ หรือมากยิ่งกว่าความปรารถนาที่จะชุบชีวิตคนคืนมาเลยก็เป็นได้
ความต้องการที่ “อยากจะหายไป” จากโลกใบนี้ของโยอิเตะนั้นรุนแรงมาก และกลายเป็นคำอธิบายได้ถึงการไม่รักชีวิตตัวเองถึงขนาดใช้คิระได้อย่างไม่ลังเล อดีตอันเจ็บปวดไล่ตามเด็กหนุ่มจนถึงขนาด “ไม่อยากมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้” มาตั้งแต่แรก
มิฮารุไม่เคยสนใจว่าเพราะอะไร เพราะอีกฝ่ายเป็นแค่คนที่ข่มขู่ตนเองเพื่อให้ทำตามความต้องการเท่านั้น
แต่เมื่อมีชะตาผูกพันกันแล้ว สุดท้ายสายสัมพันธ์อันแน่นหนาก็ก่อเกิดขึ้นระหว่างเด็กทั้งสองโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลย
คนหนึ่งไม่ปรารถนาสิ่งใด ว่างเปล่า และไร้จุดหมาย
อีกคนหนึ่งปรารถนาที่จะหายไป จมตัวเองลงในความมืดมิด และไขว่คว้าหาคนที่จะทำลายตัวเอง
เมื่อคนหนึ่งเรียนรู้อีกคนหนึ่งและค้นพบตัวตนของอีกฝ่าย มองเห็นความเหมือนและความแตกต่าง “ความรู้สึก” ก็เกิดขึ้นตามมา ความเฉยเมยและการวางเฉยต่อทุกสิ่งค่อยๆ เลือนหายไป
รู้ตัวอีกที มิฮารุก็ไม่สามารถปล่อยมือจากโยอิเตะได้แล้ว
ไม่ว่าจะเริ่มต้นขึ้นด้วยความเห็นใจ ความสงสาร หรือความเข้าใจ แต่เราคิดว่านั่นคือ “ความรัก” ที่ลึกซึ้งมาก
ถ้าฆ่าโยอิเตะ...ฉันจะฆ่าตัวตาย...!
ถึงเป็นเพียงคำขู่เพื่อไม่ให้โยอิเตะต้องตาย...แต่ชั่วขณะหนึ่งที่กลับ รู้สึกได้ว่ามิฮารุอาจจะทำจริงๆ...(หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะรอใช้ชินระบันโช เลยก็ได้...)
เพราะมิฮารุจะช่วยทำให้ความปรารถนาของตนเป็นจริง โยอิเตะจึงปกป้อง แต่แล้วความปรารถนาของโยอิเตะก็กลายมาเป็นจุดมุ่งหมายของมิฮารุ ไม่ช้าทั้งสองต่างก็ทำเพื่อกันและกันด้วยหัวใจ
แน่นอนว่าชีวิตของทั้งสองคนไม่มีอะไรง่าย...เมื่อมีอำนาจอันยิ่งใหญ่ขนาด ครองโลกได้ปรากฏขึ้นก็ย่อมต้องเกิดการแย่งชิง ทว่าผู้ที่ต้องการจะครอบครองชินระบันโชจริงๆ กลับมีเพียงกลุ่มไคโรชูที่นำโดยฮัตโตริ โทจูโร่เท่านั้น
เพื่อที่จะลบโยอิเตะออกไปนั้นทำให้ทั้งสองคนต้องแอบเคลื่อนไหวอยู่เงียบๆ แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน สุดท้ายก็กลายเป็นคนทรยศของกลุ่มไคโรชูไป
...ไม่อยากตาย...
ตอนที่ได้ยินคำนี้จากโยอิเตะ มันสั่นสะเทือนเข้าไปในใจเลยค่ะ...ดูเรื่องนี้แล้วร้องไห้ได้ตลอด (ฮา อีโมโคตรๆ) คนที่ถึงกับใช้ศาสตร์ลับคิระเพื่อบั่นทอนชีวิตตัวเอง มาบัดนี้เขา “ไม่อยากตาย” แล้ว
ถามว่า อะไรที่ทำให้โยอิเตะเจ็บปวดเวลาที่มีใครมาทำดีด้วย
ก็เพราะว่ามันสายเกินไปแล้ว...
ในความเป็นโยอิเตะนั้น...เขาเกลียดตัวเอง และคิดว่าตัวเองควรจะหายไปจากโลกใบนี้ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะฆ่าตัวตาย เพราะรังเกียจตัวเองจึงสามารถทำเรื่องเลวร้ายอย่างการคร่าชีวิตผู้อื่นได้ ในทางหนึ่งก็เหมือนเป็นการลงโทษตัวเองด้วย โยอิเตะมีแต่จะเดินเข้าไปในความมืดมิด ด้วยว่าตัวเขาได้ละทิ้งทุกอย่างแล้ว และสิ่งเดียวที่ต้องการ ก่อนจะได้พบมิฮารุ ก็คือ “ความตาย”
ถ้าหากมีคนมาทำดีด้วย...แน่นอน มันจะเจ็บปวดมาก...
เพราะเหมือนกับถูกทำให้อยากมีชีวิตอยู่ ทั้งๆ ที่สมควรตาย...
เราคิดว่าโยอิเตะรู้ตัวอยู่เสมอว่าทำอะไรลงไปบ้าง และรู้ด้วยว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย
ขณะที่ศาสตร์ลับทำให้โยอิเตะค่อยๆ สูญเสียประสาทสัมผัสต่างๆ ไปทีละนิด ทั้งสองก็ยังต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อทำให้ความปรารถนาเป็นจริง มันน่าปวดใจตรงที่ว่าโยอิเตะ “ไม่อยากตาย” อีกต่อไปแล้ว แต่ตัวเขาก็ไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้ด้วยทั้งหมดทั้งสิ้นที่ตนเองได้กระทำมา
จนเกือบถึงตอนสุดท้าย โยอิเตะก็ยังถูกทำร้ายให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสด้วยการถูกฮัตโตริพูดใส่ว่า ที่เรื่องทั้งหมดลงเอยอย่างนี้ก็เพราะโยอิเตะ เราในฐานะผู้ชมที่เป็นบุคคลที่สามคงสามารถเถียงได้ในทันทีว่าไม่ใช่สักหน่อย แต่สำหรับโยอิเตะแล้วเขาไม่สามารถปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นได้ เพราะเขาจมอยู่กับความคิดและความรู้สึกผิดบาปเหล่านั้นอยู่แล้ว
มันน่าเศร้าที่ว่า...โยอิเตะไม่สามารถมีความสุขได้ ด้วยสำนึกในสิ่งเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา
อดีตที่นายละทิ้งมากับช่วงเวลาที่นายคงอยู่ตอนนี้..
นายเกลียดโลกแบบไหนมากกว่ากันล่ะ?
ในตอนที่ไรโคถามออกมาอย่างนี้ โยอิเตะไม่ได้ตอบออกมาตรงๆ ได้แต่เอ่ยแต่ถ้อยคำที่เหมือนกับสะกดจิตตัวเองด้วยซ้ำไป ว่าให้เชื่อในสิ่งที่ได้กระทำลงไปแล้วว่าถูกต้องและเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนหนึ่งเขาก็คงคิดว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไรที่สายไป...เพราะเดี๋ยวมันก็จะจบลงแล้ว
...เดี๋ยวมิฮารุก็จะลบเขาออกไปจากโลกใบนี้ และความชั่วร้ายเหล่านั้นก็จะหายไปด้วยเช่นกัน...
เมื่อถึงตอนสุดท้าย...คำถามของไรโคอันนั้นก็คงจะได้คำตอบแล้ว
ตอนที่มิฮารุไปหาโยอิเตะในโบสถ์และถามถึงความต้องการของโยอิเตะอีกครั้ง
มิฮารุบอกว่า ไม่ได้ต้องการให้โยอิเตะหายไป...แต่ถ้าโยอิเตะต้องการ มิฮารุก็จะใช้ชินระบันโชทำให้ความปรารถนานั้นเป็นจริง แม้ว่าตัวของมิฮารุเองก็รู้อยู่แล้วว่าการใช้ชินระบันโชนั้นอันตรายต่อชีวิต ของเขาเช่นกัน บางทีตอนนั้นมิฮารุก็คงไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของตัวเองแล้ว
อย่างที่บอกว่าระหว่างสองคนนี้ เราเชื่อมั่นว่ามันคือความรัก และถึง ณ จุดนั้นแล้ว มันเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนแล้วค่ะ
โยอิเตะเลือกที่จะเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้...
การที่ต้องทนอยู่กับอดีตอันเจ็บปวด และแบกรับปัจจุบันอันหนักอึ้งเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ ยิ่งโลกเราปัจจุบันแล้ว มีคนที่หักใจหนีโดยอาศัยความตายเป็นเครื่องมือกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ...
มิฮารุบอกไปอีกว่าจะให้ลบแค่เรื่องที่โยอิเตะเป็นผู้ใช้คิระออกไปก็ได้ แต่โยอิเตะก็ปฏิเสธ และบอกว่าจะให้ลบไม่ได้
...ก็เพราะว่าเป็นตัวโยอิเตะที่เป็นอยู่ตอนนี้...
ถึงทำให้ได้พบกับมิฮารุ และได้พบกับทุกๆ คน...
ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนจริงๆ เป็นแค่คาแร็คเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้น แต่พอได้เห็นความกล้าหาญในตอนสุดท้ายของโยอิเตะแล้ว ก็ทำให้รู้สึกว่า “อยากจะมีชีวิตอยู่”
ฉันอยากรู้สึกมาตลอด
ถึงความอบอุ่นที่ซึมซาบผ่านมือนี้ว่ามันเป็นของเธอ บางสิ่งที่ฉันค้นพบกับเธอ
แต่ละสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงค่อยๆ เปลี่ยนแตกต่างไป
อย่างที่เป็นอยู่นี้ ฉันจะรับทั้งหมดนั้นเอาไว้ให้เอง
ถึงความอบอุ่นที่ซึมซาบผ่านมือนี้ว่ามันเป็นของเธอ บางสิ่งที่ฉันค้นพบกับเธอ
แต่ละสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงค่อยๆ เปลี่ยนแตกต่างไป
อย่างที่เป็นอยู่นี้ ฉันจะรับทั้งหมดนั้นเอาไว้ให้เอง
Aru ga Mama – Anamu & Maki
Nabari no Ou [Ending Theme 2]
Nabari no Ou [Ending Theme 2]
เรื่องที่เป็นอยู่จริง...ก็คือคนเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้...
Nabari no Ou ได้แสดงให้เห็นว่า หากมีโอกาสให้กลับไปแก้ไขสิ่งใดก็ได้แล้ว คนเราจะเลือกทางไหน
เมื่อดูจบแล้ว เราก็อดคิดไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วที่ชีวิตของคนเรามีความหมาย ก็เพราะว่าเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขมันได้นั่นล่ะ...
อดีต ไม่ใช่สิ่งที่เราต้อง “ทน” อยู่กับมัน แต่เป็นสิ่งที่เราใช้ “เรียนรู้” ถึงแม้ต้องเจ็บปวดเมื่อนึกถึง
แสงที่เชื่อมกับคำอธิษฐานอันแสนไกล
จะต้องนำความหวังและความกล้าหาญมาให้อย่างแน่นอน
แทนที่จะคอยนับวันเวลาที่ผ่านเลยไปแล้ว
จากนี้ มาสร้างช่วงเวลาของเราไปด้วยกันเถอะนะ
จะต้องนำความหวังและความกล้าหาญมาให้อย่างแน่นอน
แทนที่จะคอยนับวันเวลาที่ผ่านเลยไปแล้ว
จากนี้ มาสร้างช่วงเวลาของเราไปด้วยกันเถอะนะ
Hikari - ELISA
Nabari no Ou [Ending Theme 1]
Nabari no Ou [Ending Theme 1]
การหายไป หรือการตายจาก เป็นเรื่องง่าย และเป็นเพียงแค่การหลีกหนีจากสิ่งที่ตนเป็น
การจมอยู่กับอดีตไม่ได้ช่วยอะไรเรา ที่โลกนี้มีกาลเวลา ไม่ใช่เพื่อให้เราคิดถึงแต่สิ่งที่ผ่านไปแล้ว แต่เพื่อให้เราเดินต่อไปตามกระแสเวลานั้นและทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียดายและกลับไปจมอยู่กับสิ่งที่แก้ไขไม่ได้อีกต่อไปแล้วต่างหาก
あるがまま
Just as it is…
อย่างที่เป็นมา...
Just as it is…
อย่างที่เป็นมา...
เป็นชื่อปิดเพลงที่สองของ Nabari no Ou...
วลีสั้นๆ นี้ บอกให้เรามีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่
สิ่งที่ได้จากโยอิเตะนั้น สำหรับเราแล้วมันมากมายเหลือเกินค่ะ...ทั้งความกล้าหาญที่จะยอมรับและเผชิญ หน้ากับสิ่งที่ตนเองเป็น รวมทั้งการมองให้เห็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นตัวของเราในวันนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอื่นเป็นได้
แม้เป็นความผิดพลาด แต่ถ้าไม่มีมันอยู่ ก็จะไม่มีตัวเราในวันนี้
ทั้งความสำเร็จหรือความผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดาของเราทุกคน แม้ว่าจะหนักหนาสาหัสต่างกัน แม้ว่าจะไม่อาจเทียบกันได้ แต่เราล้วนเผชิญในสิ่งเดียวกัน
ความเป็นจริงแต่ละอย่างเข้าปะทะกันและเริ่มกลายเป็นความโกลาหล
หากทุกคนต่างก็เสียน้ำตาให้กับสิ่งเดียวกัน
หากทุกคนต่างก็เสียน้ำตาให้กับสิ่งเดียวกัน
Aru ga Mama – Anamu & Maki
Nabari no Ou [Ending Theme 2]
Nabari no Ou [Ending Theme 2]
แม้แก้ไขไม่ได้ ก็อย่าให้มันหยุดเราเอาไว้...จงเงยหน้าขึ้นเดินต่อไป อย่ายอมแพ้ เพราะสักวันจะต้องมีวันที่เป็นของเรา ขอเพียงเรียนรู้ที่จะมีความสุข
หากว่าคำขอไม่อาจเป็นจริงและเธอต้องเจ็บปวด
ขอเพียงแค่เธอเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจากตรงนั้น ไม่ว่าจะกี่ครา
ก็เพราะว่าไม่ได้มีคำตอบเพียงคำตอบเดียว
และสักวันหนึ่งเธอจะต้องได้พบกับความสุขแน่นอน
ขอเพียงแค่เธอเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจากตรงนั้น ไม่ว่าจะกี่ครา
ก็เพราะว่าไม่ได้มีคำตอบเพียงคำตอบเดียว
และสักวันหนึ่งเธอจะต้องได้พบกับความสุขแน่นอน
Hikari - ELISA
Nabari no Ou [Ending Theme 1]
Nabari no Ou [Ending Theme 1]
ช่วงที่เหลือในตอนที่ 26 ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย เราไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้
ไม่ใช่ว่าเศร้าเสียใจ เมื่อคิดว่าโยอิเตะกำลังจะเป็นอย่างไร
แต่เพราะว่าเราเห็นว่าเขามีความสุขแล้ว...
ในที่สุด เขาก็ได้สัมผัสความสุข...
ได้สัมผัสกับความเป็นมนุษย์ - สายสัมพันธ์ - เพื่อน - และครอบครัว
มีทุกคนอยู่พร้อมหน้า
และเขายิ้มให้เห็นเป็นครั้งแรก...
จริงๆ มันอาจเป็นการปลงแบบหนึ่งใช่มั้ย? (ฮา)
แต่แค่นี้ก็พอแล้วจริงๆ...
หลับฝันดีนะ โยอิเตะคุง...
สักวันหนึ่ง เราอาจไม่ได้เจอกันอีกแล้ว แม้ว่าฉันจะปล่อยมือนี้ไป
แต่ฉันจะไม่ลืม เพราะฉันไม่มีทางลืมว่าตัวเองเคยโบยบินไปยังที่ใดก็ได้ได้อย่างไร
แต่ฉันจะไม่ลืม เพราะฉันไม่มีทางลืมว่าตัวเองเคยโบยบินไปยังที่ใดก็ได้ได้อย่างไร
Aru ga Mama – Anamu & Maki
Nabari no Ou [Ending Theme 2]
Nabari no Ou [Ending Theme 2]
*credit : http://zakuro.exteen.com/20081226/nabari-no-ou
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ความรักของหมู่เลือดแต่ละหมู่
*credit
คนวาด : Realcrazyman [ 쳐돌았군맨 ]
( ์http://www.cyworld.com/realcrazyman )
แปลไทย : คุณภูมิ ( http://povolam.exteen.com )
บทความที่ใหม่กว่า บทความที่เก่ากว่า หน้าแรก
Subscribe to:
บทความ (Atom)